ระบำฟลามิงโก้

การเรียนรู้ภาษาสเปนหรือภาษาต่างประเทศ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้หลักภาษา โครงสร้างประโยค รวมทั้งการเชื่อมคำพูด ในแต่ละภาษา ทำให้เรียนภาษาสเปน  ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ฯลฯ  จะช่วยให้คุณสามารถใช้ภาษาได้ดีขึ้นไปด้วย การสนทนาภาษาสเปน  ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศ มีความสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และกลายเป็นที่นิยมอย่างมากขึ้น เพราะหากคุณมีความสามารถในการใช้ภาษาถึงขั้น สนทนาภาษาสเปน  หรือสนทนาเป็นภาษาต่างประเทศต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนต่อแล้ว ยังมีโอกาสในการทำงานมากกว่าผู้ที่ไม่รู้ภาษาสเปนอีกด้วย

นอกเหนือจากการเรียนภาษาสเปนจากสูตรต่าง ๆ แล้ว การได้เรียนรู้ภาษาสเปน จากเสียงเพลงก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยให้คุณได้ซึมซับเอาความเป็นวัฒนธรรมของชาวสเปนเข้าไปได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแสดงสุดยอดของชาวสเปนที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ อย่างระบำสเปน หรือเต้นฟลามิงโก้ ที่จะช่วยให้ผู้ที่เรียนภาษาสเปนได้เข้าถึงการเรียนรู้ การแสดงและวัฒนธรรมของชาวสเปนเพิ่มขึ้น

ระบำสเปน

เป็นการเต้นที่เน้นความสง่างามของท่วงท่า รวมทั้งแสดงออกถึงความชัดเจนของ Footwork โดยมีการใช้อุปกรณ์ประกอบการเต้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น manton (ผ้าคลุมไหล่) castanets (กรับ) พัด หรือว่า jacket   ซึ่งการเต้นระบำสเปนสามารถแบ่งได้หลายประเภท  อาทิเช่น Flamenco, Escuela Bolera  และ Regional   โดยผู้แสดงจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส จัดจ้าน ซึ่งการเต้นระบำฟลามิงโก เริ่มต้นจากท้องถิ่นทางตอนใต้ในแคว้น อันดาลูเซีย (Andalusia) ปัจจุบันการเต้นแบบฟลามิงโกได้มีการแพร่หลายไปประจักแก่สายตาคนทั่วโลก และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศสเปน ซึ่งระบำฟลามิงโกแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

1.Grande หรือ Hondo (ยิ่งใหญ่ หรือ ลึก ชิด) คือชนิดของเพลงที่เข้มข้น มีเนื้อหาเอาจริงเอาจังและเศร้าสลด นักดนตรีมักจะใส่ความรู้สึกอย่างเต็มที่ (Duende) เข้าไปในบทเพลงชนิดนี้

2.Intermedio ( ปานกลาง ) เป็นบทเพลงที่ไม่มีเนื้อหาเอาจริงเอาจังเท่ากับ “Grande หรือ Hondo” บางครั้งบทเพลงจะมีกลิ่นอายของตะวันออกปนอยู่ด้วย

3.Paqueno (เล็ก) คือเพลงระบำฟลามิงโก ที่มีความสนุกสนานแสดงออกถึงความรัก หรือ ความสวยงามของธรรมชาติ

การเต้นรำสไตล์ฟลามิงโก (Flamenco) ที่มีชื่อของประเทศสเปน เป็นรูปแบบศิลปะแบบสแปนิชขนานแท้ หรือ จะพูดให้ชัด คือ ว่า เป็นศิลปะทางใต้ของสเปนขนานแท้ โดยรูปแบบของฟลามิงโก มีอยู่ 3 แบบ คือ cante ตัวบทเพลง  ,baile การเต้น

และ guitarra การเล่นกีตาร์   ซึ่งที่มาของศิลปะการเต้นรำแนวฟลามิงโกนี้ ว่ากันว่ามาจากพวกชนเร่รอนหรือ ยิปซี เป็นผู้คิดค้นขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจกันนักว่านอกจากที่คิดค้นขึ้นมาแล้ว พวกยิปซีนี้ได้ป็นผู้สร้างสรรค์ศิลปะนี้ด้วยหรือไม่ ??  แต่ที่เห็นได้ชัด คือ บทเพลงและการเต้นรำแบบอันดาลูเซีย (Andalusia) ได้ส่งอิทธิพลต่อฟลามิงโกยุคแรก ๆ อย่างแน่นอน

ตอนแรกที่มีตำนานตาเตสซอซ เกิดขึ้น จากนั้นตามมาด้วย 900 ปี ที่ดินแดนสเปนได้ถูกครอบครองโดยกลุ่มชนมุสลิม ซึ่งไม่มียุคไหนที่ผ่านล่วงเลยไป โดยไม่ส่งอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอันดาลูเซีย และ ฟลามิงโก โดยไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือทางอ้อม เพราะในช่วงยุคทอง ระหว่างปี 1869 -1910 มีการพัฒนาศิลปะการเต้นรำฟลามิงโก้ในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านดนตรีแบบคาเฟ่ (cafés cantantes) ซึ่งเป็นช่วงที่ฟลามิงโกมีความเข้มข้นที่สุด ในการปลดปล่อยความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ในจิตใจของผู้คนออกมา และในช่วงนี้เอง ที่ทำให้ศิลปะการเต้นรำแบบฟลามิงโกได้ก้าวสู่จุดที่สูงขึ้นไปอีกครั้ง เมื่อเหล่านักเต้นได้กลายมาเป็นสิ่งที่ดึงดูความสนใจผู้คนจากทั่วโลกได้มากที่สุด

บทบาทของเสียงเพลงจากกีตาร์ยังได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย เมื่อได้กลายมาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของศิลปะฟลามิงโก  ต่อมามีการขับขานบทเพลงฟลามิงโก ซึ่งเป็นบทบาทหลักของนักโอเปรา ฟลามิงกา (ópera flamenca)  ที่ควบคู่ไปกับบทเพลงฟังสบาย ๆ อย่างฟานแดงโก และกานเตส เด ไดดา และ บูเอลตา ที่เป็นการบ่งบอกถึงการได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมแบบลาตินอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด  และตั้งแต่ปีค.ศ. 1915 เป็นต้นมาชาวสเปนก็ทำให้ทั่วโลกเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะมีการนำศิลปะฟลามิงโกไปแสดง

ในปีค.ศ. 1922 ได้มีกลุ่มปัญญาชน ซึ่งมีมานูเอล เด ฟายา ได้จัดการแข่งขันการเต้นฟลามิงโกขึ้นที่กรานาดา (Granada) เพื่อเผยแพร่ศิลปะฟลามิงโกสไตล์ชาวสเปนแบบแท้ ๆ ให้แพร่หลายมากขึ้น  มาถึงการเต้นฟลามิงโกในยุคสมัยใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลทางดนตรีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแจ๊ส หรือ ซัลซ่า โบซซา โนวา  ส่งผลให้การเต้นฟลามิงโก ได้เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ทำให้ภาพการเต้นฟลามิงโก้แบบเดิม ๆ ดูจะหายากเต็มทนแล้ว