ผู้เข้าสอบ IELTS สี่คนแชร์เคล็ดลับ

คุณกำลังจะได้พบกับผู้เข้าสอบ IELTS ทั้งสี่คนที่ได้คะแนนตั้งแต่ Band 7.5-8.5 ฉะนั้นเมื่อเราถามพวกเขาว่าอะไรช่วยให้เขาทำคะแนนได้ดี เราได้คำแนะนำที่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

Puneet ได้คะแนนสอบ IELTS Band 7.5 พูดภาษาปัญจาบเป็นภาษาแม่และเขาอายุ 22 ปี นี่คือสิ่งที่ Puneet เตรียมตัวก่อนการสอบ:

“ผมมีเวลาเตรียมตัวเพียง 7 วันเท่านั้นและส่วนใหญ่ผมอ่านเรื่องโปรดเป็นภาษาอังกฤษซึ่งช่วยผมได้มากในการอ่าน นอกเหนือจากนั้นการพูดคุยกับเจ้าของภาษาเป็นประจำช่วยเรื่องการพูดของผมให้ดีขึ้น สำหรับการเขียนผมคิดว่าโครงสร้างที่เหมาะสมต้องสอดคล้องไปกับไวยากรณ์ที่แม่นยำและคำศัพท์ทางวิชาการ ในข้อสอบการฟัง การอ่านคำสั่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จากนั้นฟังเทปอย่างตั้งใจมากๆด้วย สุดท้ายแล้วเวลาคือศัตรูตัวฉกาจถ้าคุณไม่จัดสรรเวลาให้ถูกต้อง ขอให้ทุกโชคดีกับการสอบครับ แน่นอนที่สุดหัวใจในการประสบความสำเร็จคือการฝึกฝนอย่างหนักแต่ข้อสอบ IELTS ต้องการงานที่ชาญฉลาดอีกด้วย”

ผู้ที่ทำคะแนนสูงคนต่อไปของเราคือ Amanjot เด็กหนุ่มวัย 18 ปีที่ได้คะแนน Band 7.5 เช่นเดียวกับ Puneet เขาพูดภาษาปัญจาบเหมือนกัน และนี่คือสิ่งที่ Amanjot เตรียมตัวสำหรับการสอบ:

“ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าผมอ้างอิงข้อมูลทุกอย่างของ IELTS จากอินเตอร์เนต จากนั้นผมซื้อหนังสือ “Target Band 7”  ของ Simone Braverman และ “Reading Skills” ของ Sam McCarter จริงๆแล้วผมมีเวลาเตรียมตัวแค่ 7 วันเพราะผมยุ่งมากฉะนั้นผมพยายามฝึกทำข้อสอบบางส่วนและทายดูสิ ผมไม่ได้ Band 9 แต่ได้คะแนน Band 7.5 ซึ่งผมค่อนข้างพอใจ “

และสุดท้ายพบกับ Vineedh (Band 7.5) และ Nisha (Band 8.5) คู่สามีภรรยาที่ช่วยกันเตรียมตัวในการสอบ IELTS พวกเขามีเคล็ดลับมากมายซึ่งคุณอาจต้องจดโน๊ตไว้เลยก็ได้ Nishaและผมแต่งงานกันและตั้งใจย้ายไปอยู่ประเทศแคนาดา ขั้นตอนเรื่องการย้ายถิ่นฐานเราต้องทำข้อสอบ IELTS ให้ประสบความสำเร็จให้ได้ ภาษามาลายาลัม (ภาษาท้องถิ่นของรัฐเกลาราทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย) คือภาษาแม่ของเรา นี่คือสิ่งที่พวกเราเป็นและที่เราวางแผนเอาไว้ คะแนนที่ผมได้คือ L,R,W,S (8.5, 8, 7, 7) และภรรยาของผม Nisha (8, 9, 8, 8) นี่เป็นครั้งแรกที่เราสอบ IELTS

เรามีข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับผู้สอบมากมายที่ต้องการบอกคุณ

  • เราบอกตัวเราเองว่าเราสามารถทำได้ด้วยการทบทวนด้วยตัวของเราเองโดยที่ไม่ต้องเข้าคลาสเรียนหรือใช้หนังสือพิเศษอะไร
  • สิ่งที่เราฝึกฝนคือ หนังสือ Cambridge’s books IELTS 7, 8 และ 9 ไปพร้อมกับหนังสือที่ทาง IELTS ให้เรามาตอนเราลงทะเบียนสมัครสอบ
  • เราตัดสินใจไม่เข้าเรียนพิเศษที่ไหน เพราะเราเชื่อมั่นว่าภาษาอังกฤษของเราดีอยู่แล้วและไม่ต้องการการแนะแนวเป็นพิเศษ ซึ่งเราคิดว่าสิ่งนั้นอาจทำลายสไตล์การใช้ภาษาของเราเอง ยิ่งไปกว่านั้นเรารู้อยู่แก่ใจว่าเราสามารถทำได้ดี อาจฟังดูหยิ่งแต่คำแนะนำของเราสำหรับคนที่เข้าใจภาษาเป็นอย่างดี คือพวกเขาไม่ควรขัดขวางความมั่นใจของตัวเขาเอง แต่หากคุณไม่เก่งขนาดนั้นคุณไม่ต้องสนใจคำแนะนำนี้ก็ได้
  • ฝึกการฟังพร้อมหูฟังที่บ้าน อย่าใช้ลำโพงจากแลปทอปหรือเครื่องช่วยในการฟังอื่นๆ หูฟังดีที่สุดและช่วยสร้างบรรยากาศเหมือนวันสอบจริงได้หลายครั้งตามที่คุณต้องการฉะนั้นคุณจะรู้สึกเงียบสงบและเหมือนอยู่ในห้องสอบจริง คุณต้องฝึกข้อสอบการฟังอย่างน้อย 8-10 ชุด การฝึกฝนสร้างคุณให้สมบูรณ์แบบ ยิ่งคุณฝึกมากเท่าไหร่จะช่วยลดความตื่นเต้นกังวลในการทำข้อสอบมากขึ้นเท่านั้น วันสอบจริงอาจกลายมาเป็นวันฝึกทำข้อสอบของคุณอีกวันหนึ่งก็เป็นได้และนี่จะทำให้คุณได้คะแนนดี และฟังคำพูดหรือวลีส่วนใหญ่ได้ดีในระหว่างการทำข้อสอบ อย่าเสียสมาธิแม้แต่เสี้ยววินาที ในกรณีที่คุณพลาดบางสิ่งบางอย่างไป ข้ามไปทำข้ออื่นก่อน กลับไปที่คำถามนั้นทีหลังเมื่อทำทั้งหมดเสร็จแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะเก็บตกคำหรือตัวเลขที่ขาดหายไป เชื่อผมในข้อสอบการฟังมันเกิดขึ้นกับผมเช่นกัน
  • เราตั้งเป้าฝึกทำข้อสอบการฟังและการอ่านทุกวันเป็นเวลา 15 วันก่อนวันสอบ เราฝึกทำด้วยการจับเวลาจริง ใช้ข้อสอบตัวจริง และทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในวันสอบจริงได้อย่างแน่นอน เพราะคุณได้เคยทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ รูปแบบข้อสอบเดิมที่คุณเคยฝึกทำจะทำให้คุณคลายความตื่นเต้นไปได้อีกมาก
  • เราเคยอัดเสียงการพูดของเราและให้อีกคนฟังแล้วประเมิน นี่คือการฝึกฝนการพูดของเรา ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ฝึกเป็นประจำเหมือนกับที่ฝึกการฟังและการอ่าน เราฝึกพูดก่อนวันสอบจริงแค่หนึ่งหรือสองวัน คำแนะนำของเราคือใช้มือถือของคุณอัดเสียงในช่วงที่ 2 (การพูด 2 นาที) ในหัวข้อไหนก็ได้ที่คุณชอบ เปิดฟังหลังจากผ่านไป 10 นาทีและคุณจะรู้ว่าคุณทำผิดตรงไหน จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากคุณสามารถให้ใครสักคนที่มีความสามารถเท่ากันประเมินการพูด ในกรณีของเราเราประเมินกันเอง
  • สุดท้ายคือพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหมมากเกินไปและทานอาหารเช้าก่อนไปสอบ จะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราได้แชร์สิ่งที่เราตั้งใจจะทำให้กับคุณแล้วและหวังว่าผู้สอบทุกคนจะทำคะแนนได้ดีและเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งต่อไป

Credit : www.ielts-blog.com