ห้าสิ่งที่คุณสามารถทำได้

Hamid อายุ 30 ปีเป็นผู้เข้าสอบ IELTS ที่ได้คะแนนรวม 8.5 พร้อมคะแนนเต็ม 9 ในส่วนของการพูดและการฟัง เมื่อเราถาม Hamid ว่าเขามีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับผู้เข้าสอบ IELTS คนอื่นที่พยายามทำคะแนนให้สูงขึ้น เขารวบรวมเคล็ดลับเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน คุณลองอ่านสิและดูว่าอะไรที่สามารถเปลี่ยนการฟังของคุณให้พัฒนาขึ้นได้:

เป็นความเชื่อทั่วไปว่าไม่มีอะไรเลยที่ผู้สอบจะทำได้เพื่อเพิ่มคะแนนการฟังในระยะเวลาอันสั้น ผมต่างออกไปและเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท การฝึกฝน การจัดสรรเวลา และคำแนะนำที่ถูกต้อง การทำคะแนนให้ดีขึ้นในส่วนของการฟังจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นี่คือเคล็ดลับบางข้อที่อาจช่วยคุณได้ในข้อสอบส่วนนี้

  1. สิ่งแรกคือต้องมั่นใจว่าคุณฟังเทปเสียง อย่าเพียงแค่ได้ยิน ความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างการฟังและการได้ยินคือความตั้งใจขาดหายไปในการได้ยิน เมื่อตอบคำถาม ผู้สอบต้องฟังเทปเสียงอย่างละเอียดรอบคอบแทนที่จะมัวอ่านแต่คำถาม ง่ายๆคืออย่าอ่านและฟังในเวลาเดียวกัน ก่อนเทปเสียงเริ่มเล่น ตั้งใจอ่านคำถาม ในขณะที่ฟังเทปเสียงในทางตรงกันข้ามมุ่งความสนใจไปที่เทปเสียงพร้อมกับคำถามในใจ พูดอีกอย่างคือ ต้องฟังให้ดี บางครั้งผมถึงกับบอกให้นักเรียนห้ามมองคำถามเลยและตั้งใจฟังเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
  2. สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจคือ คุณไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามเพื่อให้ได้คะแนนสูง หากคุณสามารถตอบได้ 30 จาก 40 ข้อคุณก็ยังสามารถทำคะแนนได้ 7 เหมือนกัน อย่าลืมว่าระดับความยากของคำถามปะปนกันอยู่ในข้อสอบ IELTS (ทั้งในส่วนของการฟังและการอ่าน) ตราบใดก็ตามที่ต้องสนใจเรื่องการฟัง ตัวอย่างเช่น มีห้าคำถามที่ยากซึ่งมีผู้สอบแค่คนเดียวต้องการทำคะแนน Band 8, 8.5 หรือ 9 ที่สามารถตอบได้ ส่วนที่เป็นกลลวงคือคำถามที่ท้าทายพวกนี้จะถูกสุ่มกระจายออกไปตามข้อสอบเพื่อรบกวนผู้สอบ ผู้สอบที่ฉลาด และประสบความสำเร็จได้คือคนที่ไมยอมให้คำถามยากๆนั้นทำให้เขาเสียสมาธิจากเทปเสียง สิ่งที่ผมหมายถึงคือหากคุณพลาดไปหนึ่งข้อ หรือแม้แต่สองข้อ อย่าตกใจกลัว อย่าปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นอยู่เหนือความสามารถของคุณ ถึงคุณเสียสมาธิ กลับไปยังคำถามให้ไวคุณจะไม่พลาดคำถามที่คุณสามารถตอบได้ อย่าให้คำถามยากๆเหล่านั้นมีผลกระทบต่อเนื่องกับการทำข้อสอบของคุณเป็นอันขาด
  3. เพื่อให้คะแนนคุณขยับสูงขึ้นและทำข้อสอบให้ได้ดี คุณต้องลดข้อผิดพลาดของคุณลงในช่วงที่ 1 ผู้สอบหลายคนหรือแม้แต่คนที่มีความสามารถ ทำข้อสอบส่วนนี้ไม่ได้ เหตุผลง่ายๆคือนี่เป็นช่วงแรกของข้อสอบการฟัง เพื่อที่จะจัดการกับความวิตกกังวลและแปรเปลี่ยนไปเป็นเพิ่มศักยภาพของตัวคุณ ฝึกทำข้อสอบและข้อสอบเสมือนจริงให้มาก ฝึกเรื่องตัวเลขและการสะกดคำ พัฒนาระบบ หาคำศัพท์ที่ใช้บ่อย ผมพบกับสูตรที่ใช้ได้ผลดีเยี่ยม นั่นคือ PDM (Pronunciation การออกเสียง Dictation การสะกดคำ Meaning ความหมาย) หากคุณเจอกับคำศัพท์ที่ยากต่อการออกเสียงให้ทำเครื่องหมายที่ตัว P ในกรณีนี้เมื่อคุณอ้างอิงคำนี้ในภายหลัง ตัว P จะช่วยเตือนให้คุณว่าคุณมีปัญหาเรื่องการออกเสียง ใช้ได้อย่างเดียวกันกับ Dictation (D) และ Meaning (M) ด้วยเช่นกัน
  4. ปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ ของผู้เข้าสอบส่วนใหญ่นอกเหนือจากเรื่องความสามารถในการฟัง จริงๆแล้วคือข้อสอบตัวเลือกซึ่งมักจะออกอยู่เสมอในช่วงที่ 3 ของข้อสอบ IELTS คำถามประเภทนี้มีความท้าทายด้วยเหตุผลหลายประการ

ประการแรกคือ ผู้สอบไม่มีเวลาอ่านคำถามและตัวเลือกทั้งหมด ทำให้ยากขึ้นไปขึ้นคือคำถามพร้อมคำตอบที่ยาว ทางแก้ปัญหาคือ จัดแบ่งเวลา แทนที่จะเสียเวลาเปล่าประโยชน์อ่านคำถามใหม่ในช่วงที่ 1 และ 2 แบ่งเวลาให้ดีเพื่อที่คุณจะมีเวลาพอที่จะอ่านและอ่านทวนคำถามในช่วงที่ 3 และ 4 พยายามนำหน้าเทปอย่างน้อยหนึ่งหรือสองก้าวถ้าคุณทำได้ ใช้เวลาที่เหลือช่วงท้ายของแต่ละส่วนเพื่อเตรียมตัวสำหรับคำถามในส่วนต่อไป

ประการที่สองคือเหตุผลว่าทำไมคำถามประเภทตัวเลือกอีกครั้งกับการฟังและการได้ยิน ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ผู้สอบทำในขณะที่ตอบคำถามประเภทนี้คือ ในขณะที่เทปเสียงกำลังเล่นอยู่นั้น พวกเขาอ่านคำตอบซ้ำไปซ้ำมา พวกเขารู้สึกเหมือนว่ากำลังฟังเทปอยู่แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาแค่ได้ยินเท่านั้น ฉะนั้นอย่าทำพลาดเหมือนพวกเขา ต้องมั่นใจว่าคุณได้อ่าน เข้าใจ และขีดเส้นใต้คำสำคัญของแต่ละส่วนจริงๆ รอจนกระทั้งผู้พูดในเทปถามคำถามจบและตัดสินใจว่าตัวเลือกไหนดีที่สุด ข้อผิดพลาดคลาสสิคคือผู้สอบพยายามตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ถูกในขณะที่ผู้พูดในเทปยังคงให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำถามอยู่ รอจนกระทั้งเขา/เธอพูดจบเสียก่อนแล้วจึงเลือกคำตอบอย่างเร็ว

อย่าลืมว่าทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องคือกำจัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไป คำตอบที่เราไม่ต้องการคือ

  • คำตอบที่ถูกต้องและง่ายเกินไป อย่าเลือกคำตอบง่ายๆเพราะมีคำที่คุณได้ยินจากเทป คำถามทั้งหมดในช่วงที่ 3 เป็นการอนุมาน ซึ่งหมายความว่าไม่ได้กล่าวไว้โดยตรง ฉะนั้นระวังตัวเลือกที่ง่ายและชัดเจนเกินไป มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เป็นคำตอบผิด
  • คำตอบที่ขัดแย้งโดยตรงกับเทปเสียง ในเกือบทุกกรณี หนึ่งหรือแม้แต่สองตัวเลือกจากสามตัวเลือกเป็นอันที่เราไม่ต้องการ ฉะนั้นมองหาตัวเลือกเหล่านั้นและตัดออกไป จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้มากยิ่งขึ้น
  • คำตอบที่ถูกกล่าวถึงในเวลาเดียวกัน บ่อยครั้ง สองจากสามตัวเลือกในคำถามประเภทตัวเลือกที่ถูกกล่าวถึงในเทปเสียง ด้วยการใช้คำเชื่อม (AND, ALONG WITH และอื่นๆอีกมากมาย) ระวังถ้าได้ยินคำเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น คำถามข้อ A และ C ถูกพูดถึงหลังจากคำเชื่อม ให้มั่นใจได้เลยว่าหนึ่งในสองข้อนั้นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
  1. อีกสิ่งหนึ่งคือ ดูละครซีรี่ย์และฟังเพลงภาษาอังกฤษ ได้ผลดีเลย การดูละครซีรี่ย์มีประโยชน์มากกว่าการดูหนังด้วยเหตุผลง่ายๆต่อไปนี้:
  • หนังหลายเรื่องมีฉากหลังที่มีเสียงดังซึ่งรบกวนผู้ฟังบางคนได้
  • มีบทพูดมากกว่าเมื่อเทียบกับหนัง
  • การดูละครซีรี่ย์สร้างความรู้สึกตื่นเต้นระทึกใจ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากติดตามละครเรื่องโปรดตอนต่อไป สิ่งนี้ช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น
  • หลังจากดูละครซีรี่ย์ที่ชอบแล้ว คนดูเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครและคุ้นเคยกับจิตใจของตัวละคร ความรู้สึกนี้ส่งผลให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ผมหวังว่าเคล็ดลับสองสามข้อนี้จะมีประโยชน์กับพวกคุณ ผมมั่นใจว่าด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท การฟังที่ว่องไว การระมัดระวัง และคำแนะนำที่ดี คะแนนการฟังของคุณสามารถพัฒนาขึ้นอย่างง่ายดาย