เรื่องราวของ Vy

เมื่อฉันสอบ IELTS ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้คะแนน Band 8 เลย ฉันพูดได้เลยว่าฉันคิดว่าจะได้อย่างน้อย Band 6 และคิดว่าน่าจะได้สัก Band 6.5 หลังจากลองสอบหลายต่อหลายครั้ง ฉันรู้เลยว่าเฉลี่ยแล้วฉันได้คะแนนอยู่ที่ 7 ฉะนั้นฉันตั้งใจจะทำให้ได้คะแนน 7 ฉะนั้นฉันแนะนำให้ลองทำข้อสอบก่อนเพื่อที่จะรู้ได้ว่าภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับไหน

การฟัง

ส่วนแรกมักง่ายเสมอ คุณรู้คำตอบอย่างมั่นใจ ฉะนั้นฉันมองไปที่หัวข้ออย่างรวดเร็วเพื่อให้รู้ถึงคำไหนคือคีย์เวิร์ด ฉันจะได้คำตอบในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยวิธีนั้นฉันไม่พลาดอย่างแน่นอน ในขณะที่ฉันมีเวลา ฉันตรวจคำตอบทุกข้อล่วงหน้าไปเรื่อยๆเท่าที่ฉันจะทำได้ เพราะจะได้ไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจทานคำตอบอีกครั้งในแต่ละส่วนเมื่อทำเสร็จ

ส่วนที่ยากที่สุดสำหรับฉันคือส่วนที่ 3 multiple choice แต่ด้วยการฝึกฝน ฉันค้นพบว่าถ้าขีดเส้นใต้คีย์เวิร์ดแล้วจะไม่ทำให้สับสนกับคำตอบทั้งหมด และช่วยประหยัดเวลาในการหาเมนไอเดีย ฉันจำได้ว่าฉันพลาดไปสองคำถามฉะนั้นฉันพยายามเดาในตอนท้าย ตัวเลือกทั้งสามข้อใกล้เคียงกันหมด ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือตัดคำตอบที่ผิดออกไป

การอ่าน

คุณจะตกใจถ้าฉันบอกว่าฉันมีเวลาเหลือแค่ 13 นาทีในข้อสอบการอ่าน แต่นั่นเป็นเรื่องจริงและฉันได้คะแนน 8.5 สิ่งเดียวที่ฉันทำคือการกวาดสายตา ฉันไม่ได้อ่านทั้งหมด สิ่งแรกที่ทำคือตรงไปที่คำถามก่อนและที่เหลือก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น ฉันรู้ว่าวิธีการจัดลำดับไม่ว่าจะเป็นจากข้างบนลงไปข้างล่าง หรือจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ฉะนั้นถ้าได้คำตอบแรกแล้วฉันรู้ว่าคำตอบที่สองจะอยู่ระหว่างคำตอบที่หนึ่งและสาม ฉันมองหาคีย์เวิร์ดในคำถามและจากนั้นมองหาในบทความ

ฉันรู้ว่าคำตอบตัวเลือกทั้งหมดจะเป็นอุปสรรคขัดขวางเราอยู่เสมอ และมีเพียงข้อเดียวที่ถูก ฉะนั้นตัวเลือกทั้งหมดจะถูกกล่าวถึงในบทความอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ได้สร้างตัวเลือกมาลอยๆ ฉันรู้ว่าคำตอบอยู่ที่ไหนอย่างแน่นอน สิ่งเดียวคือต้องเข้าใจว่าประโยคไหนที่มีคำตอบอยู่ในนั้นเพื่อที่จะหาคำตอบที่ถูกต้องได้

การเขียน

ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการเขียนมากนัก สามปีที่ผ่านมาฉันได้คะแนน 6.5-7 และตอนนี้ก็ยังคงได้คะแนนเดิม สิ่งเดียวที่ต้องทำคือพยายามเรียนรู้โครงสร้าง พยายามรวบรวมคำศัพท์ทั้งหมดที่คุณมี พยายามเข้าใจกฎ (อย่าเขียนสั้นๆ อย่าเขียนความคิดเห็นส่วนตัวหรืออะไรแบบนั้น)

หากคุณเข้าใจเรื่องโครงสร้างแล้ว คุณจะได้คะแนน 50% จากที่คุณต้องการ ถ้าคุณมีตัวอย่างคุณจะได้อีก 25% ส่วนที่เหลือคือตรวจเช็คเรื่องไวยากรณ์ (และพยายามเข้าให้ถึงเมนไอเดียของตารางถ้าคุณทำข้อสอบส่วนที่ 1 ) ฉันมั่นใจส่วนของการเขียนมากและกลายเป็นว่าได้คะแนนน้อยที่สุด ฉะนั้นฝึก ฝึก และฝึกเท่านั้นที่จะทำให้คุณดีขึ้นได้

การพูด

ฉันไม่เก่งเรื่องการพูด ไม่ใช่เพราะสำเนียงหรือคำศัพท์ แต่เป็นเพราะฉันไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนที่ 1 ง่าย ฉันพยายามตอบทุกอย่างที่ฉันรู้เกี่ยวกับตัวฉันเองและง่ายมากในการฝึกฝน แต่ฉันแย่มากในการสร้างคำตอบ ฉันเลยติดอยู่ที่ส่วนที่ 2 กรรมการพยายามให้ฉันพูดให้มากขึ้นเพราะเขาไม่สามารถให้คะแนนได้ถ้าฉันพูดน้อย ฉันเลยแนะนำให้คุณแสดงให้กรรมการเห็นว่าคุณพยายามที่จะพูด แค่ดึงอะไรก็ได้จากหัวของคุณที่เกี่ยวกับคำถาม (อย่าออกนอกเรื่อง เพราะจะทำให้กรรมการคิดว่าคุณไม่มีไอเดียในสิ่งที่เขาถามหรือสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่) พูดเสียงดังฟังชัด พยายามพูดให้คล่องแคล่วแต่ในความเร็วปานกลางเพราะคุณจะได้ไม่ต้องพูด “อืมมม” หรือ “เออออ”

คุณไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าคุณฉลาดแค่ไหน แค่แสดงให้เห็นว่าคุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีแค่ไหน อย่าพยายามลองใช้คำศัพท์ใหม่เพราะไม่ใช่เวลาที่ถูกต้อง หากคุณพยายามที่จะพูดอย่างเรียบง่ายตอนที่คุณไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แค่พูดว่า “I have never thought about it, let me see”และพยายามรวบรวมความคิด ฉันไม่ได้พูดเยอะเลยแต่กรรมการให้คะแนนฉันค่อนข้างดี อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะฉันพูดในความเร็วปานกลางและชัดเจน

อย่ากลัวมากจนเกินไปหรือผิดหวังกับสถานการณ์ของคุณ ฉันเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สามและทำงานมาตลอด ฉันไม่เคยเข้าคลาสเรียน IELTS เลย เพื่อนฉันพูดว่าไม่มีทางที่ฉันจะได้คะแนน 6.5 ถ้าไม่ได้เข้าคลาส ฉันใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียวในการฝึกฝน เพื่อนฉันบอกว่า “เธอต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการปรับจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง” ฉันสอบ IELTS แค่ครั้งเดียวและนี่เป็นครั้งแรก เพื่อนฉันบอกว่า “เธอจะต้องสอบอีกอย่างน้อย 3 ครั้งเพื่อให้ได้คะแนนที่ต้องการ และฉันไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเลย เชื่อฉันสิ

แค่ต้องฝึก ฝึก และฝึกเท่านั้น คุณจะรู้ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร คุณจะค้นพบได้เองว่ากลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ เวลาคุณสอบและทำในแบบที่คุณถนัด อย่าฟังคนอื่นมากนัก อย่าพยายามกดดันตัวเองเพื่อทำตามรูปแบบของคนอื่น หากคุณรู้แล้วว่าอะไรเหมาะกับตัวคุณและทำให้คุณจะได้คะแนนสูงในการฝึกฝน ให้ใช้วิธีนั้น

Credit : www.ielts-blog.com